ครม. เห็นชอบมาตรการพัฒนาหุ่นยนต์ในเชิงพาณิชย์ ตั้งเป้าระยะยาว ภายในปี 2569 ไทยจะเป็นผู้นำการผลิตและใช้หุ่นยนต์ของอาเซียน และมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพื่อในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากหุ่นยนต์ เครื่องมืออัตโนมัติ ถูกนำมาใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จึงกำหนดเป้าหมายระยะสั้น ในปี 2560 ส่งเสริมการพัฒนาหุ่นยนต์อุตสาหกรรมในประเทศ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยใช้ระบบอัตโนมัติ คาดว่าจะเกิดการลงทุนหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท
และกำหนดเป้าหมายระยะกลาง (ปี 2561-2564) ยกระดับเทคโนโลยีไปสู่การผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่มีความซับซ้อนและมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น มีการลงทุนไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท และอุตสาหกรรมไทย อย่างน้อยร้อยละ 50 ของจำนวนโรงงานทั้งหมด ต้องใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติระดับสูงในโรงงาน อย่างน้อยร้อยละ 30 ของมูลค่าการนำเข้า
นายอุตตม ยอมรับว่า ที่ผ่านมา ไทยนำเข้าหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ จนต้องขาดดุลการค้า 1.3 แสนล้านบาท แต่ขณะนี้ เด็กไทยเริ่มพัฒนาได้แล้ว แต่ยังมีส่วนที่ต้องนำเข้า หากพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเองได้
ส่วนเป้าหมายระยะยาว (ปี 2565-2569) กำหนดให้ไทยเป็นผู้นำการผลิต การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในอาเซียน มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองภายในปี 2569 ทั้งหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรม ด้วยการผลิตได้เองโดยไม่ต้องนำชิพ ชิ้นส่วนสำคัญนำเข้าจากต่างประเทศ ขยายการใช้หุ่นยนต์ไปสู่ภาคบริการ เช่น การแพทย์ครบวงจร ด้านความมั่นคง และความปลอดภัย
สำหรับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ประกอบด้วย 5 มาตรการหลัก ได้แก่
1. มาตรการทางด้านการตลาด ได้ทบทวนและปรับปรุงมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 ของเงินลงทุนเป็นเวลา 3 ปี หากปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในกรณีที่ระยะเวลาการได้รับการส่งเสริมการลงทุนเดิมยังไม่สิ้นสุดลง เป็นต้น
2. มาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้พัฒนาระบบหรือ System Integrator (SI) ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และระบบอัตโนมัติ ส่งเสริมผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็นต้น
4. มาตรการสร้าง Center of Robotics Excellence (CoRE) โดยการจัดตั้ง CoRE ด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติให้สถาบันไทย-เยอรมัน กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานร่วมกับอีก 7 หน่วยงาน อาทิ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม ด้วยการร่วมมือกระทรวงอุตสาหกรรมจัดพิธีลงนามMOU ในวันที่ 30 ส.ค.60 โดย CoRE มีหน้าที่ 4 ด้าน ได้แก่ ยกระดับเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติ เพื่อนำไปสู่การผลิตหุ่นยนต์หลายประเภทที่มีความซับซ้อน, พัฒนาบุคลากรด้านนี้, ถ่ายทอดเทคโนโลยีหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติให้กับบริษัท หรือบุคลากรที่ทำหน้าที่ออกแบบระบบอัตโนมัติ
5. มาตรการด้านอื่น ๆ เช่น พิจารณาสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในเชิงวิชาการและในอุตสาหกรรม เป็นต้น
นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของกระทรวงการคลัง ยกเว้นอากรนำเข้าชิ้นส่วนหุ่นยนต์ จากเดิมต้องนำเข้าสำเร็จรูปเท่านั้น และยกเว้นภาษีนิติบุคคล ร้อยละ 300 หรือ 3 เท่าของรายจ่าย เพื่อวิจัยพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยภาครัฐช่วยสนับสนุนพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติผ่านการจัดสรรงบประมาณของสำนักงบประมาณ โดยยืนยันว่าการสนับสนุนหุ่นยนต์นี้ไม่ได้เป็นการทดแทนบุคคล แต่จะเป็นการส่งเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น